ล้างพิษตับพิชิตไวรัสตับอักเสบด้วยวิถีธรรมชาติ

โดย: Arokaya [IP: 118.172.18.xxx]
เมื่อ: 2016-02-12 15:17:50
ล้างพิษตับพิชิตไวรัสตับอักเสบด้วยวิถีธรรมชาติ

ไวรัสตับอักเสบ คือ ไวรัสที่ทำอันตรายต่อตับโดยเฉพาะ ปัจจุบันมีเชื้อไวรัสที่ทำให้ตับอักเสบอยู่ 5 ชนิด คือ ไวรัสตับอักเสบ เอ บี ซี ดี และ อี

ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดต่างๆ จะแบ่งอาการออกเป็นระยะเฉียบพลันและระยะเรื้อรัง โดยที่ผู้ป่วยตับอักเสบเฉียบพลันจะมีอาการไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ตาเหลือง ตัวเหลือง และมีความผิดปกติของผลเลือดที่แสดงการทำงานของตับ ในผู้ป่วยตับอักเสบเรื้อรังอาจไม่แสดงอาการ หรือความผิดปกติของการทำงานของตับได้ แต่อาจตรวจพบว่าค่าเอนไซม์ SGOT(AST) และ SGPT(ALT) ในตับสูงกว่าปกติคือมีค่ามากกว่า 40 ขึ้นไป

การอักเสบของตับจะทำให้ตับบวม มีการทำลายเซลล์ตับ ทำให้มีอาการอ่อนเพลียจากการทำงานผิดปกติของตับ หากการอักเสบเกิดขึ้นเป็นเวลานานจะทำให้ตับถูกทำลายมาก และถูกแทนที่ด้วยพังผืด ทำให้ตับมีแผลเป็น และมีลักษณะแข็งเป็นก้อน การดำเนินของโรคตับอักเสบ บี และโรคตับอักเสบ ซี สามารถดำเนินเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง เป็นโรคตับแข็ง และเป็นมะเร็งตับได้ ในที่สุด

การติดต่อ

ไวรัสตับอักเสบ เอ และอีจะติดต่อส่วนใหญ่จากการปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่ม อาจอยู่ในอาหารอยู่แล้วหรือเป็นเพราะผู้ขายอาหารที่ป่วยเป็นไวรัสดังกล่าวนำมาแพร่ ส่วนไวรัสตับอักเสบ บีและซี การติดต่อหลักทางเลือด เพศสัมพันธ์ การสักตามร่างกาย เจาะหูหรืออวัยวะต่างๆการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน สำหรับไวรัส บี อาจติดจากมารดาสู่ทารก

ปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้รักษาโรคไวรัสตับอักเสบโดยตรง เป็นเพียงแค่การรักษาตามอาการเท่านั้น ผู้ป่วยที่ดูแลตนเองได้ดีร่างกายสามารถกำจัดเชื้อออกได้ด้วยระบบภูมิคุ้มกันของตนเอง และจะมีภูมิต้านทานโรคตลอดชีวิต แต่อาจใช้เวลานานถึง 6 เดือน แต่ในรายที่ไม่สามารถกำจัดเชื้อได้หมดและมีการอักเสบของตับอย่างต่อเนื่องนานเกิน 6 เดือน จะทำให้ตับอักเสบเรื้อรัง และกลายเป็นโรคตับแข็งและโรคมะเร็งตับ

การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบด้วยตนเองตามวิถีธรรมชาติ

1. ลดการบริโภคอาหารประเภท ของทอด ผัดน้ำมัน อาหารที่ย่อยยากเช่นเนื้อสัตว์ ข้าวเหนียว เป็นต้น เพื่อที่ตับจะได้ทำงานน้อยลงเป็นการลดการทำงานของตับ เอาไว้ชั่วคราว 6 เดือน

2. งดสูบบุหรี่ งดบริโภค เหล้า เบียร์ ไวน์ ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง ของหมักดองทุกชนิด น้ำอัดลม กะทิ นม เนย ครีม ครีมเทียม น้ำตาลเทียม ช๊อคโกแลต เอาไว้ชั่วคราว 6 เดือน

3. หลีกเลี่ยงการใช้ยาเคมีที่มีผลต่อตับโดยไม่จำเป็น เช่น พาราเซตามอล และยาคุมกำเนิด เป็นต้น

4. งดบริโภคอาหารที่ใส่สารเคมี เช่น ผงชูรส สารกันบูด สารบอแรกซ์ สี-กลิ่นสงเคราะห์ ดินประสิว สารฟอกขาว ยากันเชื้อรา เป็นต้น (ส่วนใหญ่จะมีในอาหารและขนมสำเร็จรูป)

5. งดรับประทานอาหารร้อนจัดที่ห่อด้วยกระดาษฟรอยด์ อะลูมิเนียม ถุงพลาสติก

6. รับประทานข้าวกล้อง ผักสด ผลไม้และธัญพืชไร้สารพิษให้พอเพียงต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน บำรุงร่างกายด้วยสารอาหารจากธรรมชาติเสริมสร้างภูมิต้านทาน

7. รับประทานน้ำเอ็นไซน์จากพืชผักผลไม้ เพื่อบำรุงร่างกายเสริมสร้างภูมิต้านทาน เช่น น้ำใบบัวบก น้ำเก๊กฮวย น้ำใบย่านาง น้ำแครอท น้ำแอปเปิ้ลเขียว น้ำผรั่ง เป็นต้น

8. ออกกำลังกายเบา ๆ สม่ำเสมอ ตามที่ตนเองชอบ ถ้าสามารถฝึกโยคะ หรือชี่กงจะดีมาก ได้ทั้งการออกกำลังกาย ฝึกสมาธิ และฝึกการหายใจที่ถูกต้องในคราวเดียวกัน

9. ฝึกปล่อยวางไม่เครียด ไม่โกรธ ไม่น้อยใจ ไม่เอาแต่ใจตนเอง ไม่จู้จี้ขี้บ่น นั่งสมาธิ ฟังเพลง เบา ๆ เที่ยวชมธรรมชาติตามที่ชอบ มองโลกในแง่ดี คิดในแง่บวก หัวเราะยิ้มแย้มแจ่มใส สงสารเห็นใจคนอื่น แผ่เมตตา วางใจเป็นกลาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น

10. สร้างความอบอุ่นในครอบครัว เพื่อนบ้านใกล้เคียง เพื่อนร่วมงาน ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนช่วยเหลือสังคมตามโอกาสและความเหมาะสม

11. หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีเสียงดัง เช่น คาราโอเกะ ดิสโก้เทค เป็นต้น

12. รับแสงแดดยามเช้าและอากาศบริสุทธิ์ หลีกเลี่ยงสถานที่อากาศไม่ถ่ายเท สถานที่อับชื้นมีกลิ่นเหม็น ควันพิษจากท่อไอเสีย การฉีดยาฆ่าแมลง ฯลฯ

13. ไม่ทำงานหนักเกินกำลังกายและกำลังสมอง พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง ไม่ควรนอนห้องปรับอากาศเพราะอากาศไม่ถ่ายเท ไม่ควรเข้านอนเกิน 22.00 น

14. ขับถ่ายอุจจาระทุกวัน อย่าให้ท้องผูกเพราะสารพิษจะตกค้างในร่างกาย

15 . ใช้ยาสมุนไพร ลูกใต้ใบ เห็ดหลินจือ ยาตรีผลา ยาบำรุงโลหิต เพื่อบำรุงตับ บำรุงเลือด บำรุงร่างกาย เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง เมื่อภูมิคุ้มกันแข็งแรงก็จะไปทำลายเชื้อไวรัสตับอักเสบให้หมดไปจากร่างกายเราก็จะหายจากโรคได้ในที่สุด และจะมีภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสตับเอกเสบไปตลอดชีวิต
#1 โดย: Lum [IP: 110.77.245.xxx]
เมื่อ: 2016-07-19 15:15:38
ขอบคุณมากๆ จะได้นำไปปฏิบบัติตาม เพื่อดูแลตับกำจัดไวรัส ข้อ 15 ทำให้มีแนวทางในการดูแลตัวเอง

ชื่อผู้ตอบ: